แหล่งท่องเที่ยวในประเทศเมียนมาร์
ประเทศเมียนมาร์มีประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจ และมีมาช้านาน สถานที่ท่องเที่ยวส่วนใหญ่จึงเกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์ของชาวเมียนมาร์ โดยแบ่งตามยุคสมัย และลักษณะของศิลปวัฒนธรรมที่แตกต่างกันออกไป สถานที่ท่องเที่ยวส่วนมากจึงเป็นวัด และสถานที่ท่องเที่ยวตามธรรมชาติ
มหาเจดีย์ชเวดากอง
พระมหาธาตุเจดีย์ชเวดากอง ตั้งอยู่บริเวณเนินเขาเชียงกุตระ เมืองย่างกุ้ง ประเทศพม่า โดยชื่อ "ชเว" หมายถึง ทอง "ดากอง" นั้นเป็นชื่อเดิมของเมืองย่างกุ้ง เชื่อกันว่าเป็นมหาเจดีย์ที่บรรจุพระเกศาธาตุของพระพุทธเจ้าจำนวน 8 เส้น บนยอดสุดของพระเจดีย์ มีเพชรอยู่ 5,448 เม็ด ชั้นข้างบนสุดมีเพชรเม็ดใหญ่อยู่ 76 กะรัต และทับทิม 2,317 เม็ด มีมรกตเม็ดใหญ่อยู่ตรงกลาง เพื่อรับลำแสงแรกและลำแสงสุดท้ายของดวงอาทิตย์ ผู้ที่เข้ามานมัสการหรือเยี่ยมชมจะต้องถอดรองเท้าทุกครั้ง
ตามตำนาน เจดีย์ชเวดากองนั้นสร้างเมื่อ 2,500 ปีที่แล้ว แต่นักโบราณคดีเชื่อกันว่าสร้างระหว่างคริสต์ศตวรรษที่ 6-10 โดยชาวมอญตามตำนานนั้นเริ่มจากว่า มีพี่น้องพ่อค้า 2 คน ได้ไปเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า พระองค์จึงประทานพระเกศามา 8 เส้น สำหรับให้พ่อค้าทั้งสองรับไว้บูชา
พระเจดีย์ได้ถูกทิ้งร้างจนมาถึงคริสต์ศตวรรษที่ 14 พระเจ้าพินยาอู ได้ทรงสร้างพระเจดีย์ใหม่สูง 18 เมตร พระเจดีย์ได้ถูกซ่อมแซมเรื่อยมา จนมามีความสูง 98 เมตร ในคริสต์ศตวรรษที่ 15 แผ่นดินไหวเล็ก ๆ น้อย ๆ เรื่อยมาทำให้พระเจดีย์ได้รับความเสียหาย และเมื่อปี พ.ศ. 2311(ในสมัยกรุงธนบุรี) ได้เกิดแผ่นดินไหวอย่างหนัก ทำให้ยอดของพระเจดีย์หักถล่มลงมา
ผู้ที่เข้ามานมัสการหรือเยี่ยมชมจะต้องถอดรองเท้าทุกครั้งเมื่อมาถึงทางเข้า ให้เดินตามเข็มนาฬิกา ขึ้นอยู่กับดวงวันเกิดของผู้เข้าที่จะดูตาม 12 นักษัตรรอบ ๆ พระเจดีย์ก็มีศาลเจ้าเล็ก ๆ อยู่รายรอบ
เจดีย์ชเวสิกกอง
เจดีย์ชเวสิกกอง อยู่ในเมืองพุกาม อยู่ห่างจากตัวเมืองย่างกุ้ง 680 กิโลเมตร มีศิลปะการก่อสร้างแบบพม่าแท้ คือเป็นสถูปสีทองขนาดใหญ่ เชื่อกันว่าภายในสถูปแห่งนี้มีพระทันตธาตุของพระพุทธเจ้าประดิษฐานอยู่ ความสูงของสถูปคือ 60 เมตร
มิงกาลาเจดีย์
มิงกาลาเจดีย์ หรือเจดีย์มังคละ แปลว่า “เจดีย์แห่งความเป็นสิริมงคล”จัดเป็นประเภท “เจดีย์ก่อิฐตัน” หรือ “สถูป” ตั้งอยู่เหนือฐานทักษินสามชั้นซึ่งซ้อนกันบนฐานไพทีทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัส บริเวณฐานแต่ละชั้นประดับลวดลายปูนปั้นเล่าเรื่องชาดก เช่นเดียวกันเจดีย์ชเวสิกอง เนื่องจากกษัตริย์ผู้สร้างคือพระเจ้านรสีหปติ ทรงปรารถนาจะสร้างให้ยิ่งใหญ่เทียบเคียงเจดีย์ที่วีรกษัตริย์คือ พระเจ้าอโนรธาทรงสร้างไว้ ด้วยเหตุที่พระเจ้านรสีหปติทรงนำความล่มสลายมาสู่อาณาจักรพุกาม มิงกาลเจดีย์จึงไม่ได้รับการบูรณปฏิสังขรณ์อย่างดีเท่าชเวสิกอง ทว่านักท่องเที่ยวนิยมขึ้นไปชมทะเลเจดีย์เมืองพุกามในมุมมอง 360 องศา ทั้งยามอรุณรุ่งและอัสดง เจดีย์ชเวชิกอง (Shwezigon pagoda) ชาวพม่าทั่วไปเคารพนับถือความศักดิ์สิทธิ์ของเจดีย์แห่งนี้เป็นอันมาก เป็น 1 ใน 5 มหาเจดีย์สถานของพม่า เพราะเป็นสถานที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุและพระเขี้ยวแก้ว เจดีย์รูปแบบศิลปะพม่าอย่างแท้แห่งนี้สร้างขึ้นโดยกษัตริย์อโนรธา (King Anawrahta) แต่แล้วเสร็จในสมัยของกษัตริย์จันสิตธา(King Kyanzittha) องค์เจดีย์สีทองอร่ามทรงระฆังคว่ำ สูง 160 เมตร ภายในมีหอผีนัต ซึ่งเป็นวิหารยาวที่ตั้งรูปผีหลวงที่ชาวพม่าเคารพนับถือ ในอดีตนั้นเจดีย์แห่งนี้มีความสำคัญของชาวพม่ามาก เพราะ ใช้เป็นสัญลักษณ์การตนเป็นพุทธมามกะตั้งแต่โบราณ สิ่งที่น่าสนใจสำหรับการเข้าชมเจดีย์นี้คือภาพประวัติพุทธชาดกของพระพุทธเจ้าที่ปรากฎบริเวณผนังเจดีย์ชเวชันดอ (Shwesandew Pagoda)
เจดีย์แห่งนี้สร้างขึ้นโดยกษัตริย์ที่มีอำนาจมากพระองค์แห่งอาณาจักรพุกาม นอกจากเจดีย์แห่งนี้จะเป็นที่บรรจุของพระเกศาธาตุของพระพุทธเจ้าแล้ว ก็ยังมีรูปปั้นเทพเจ้าศักดิ์สิทธิ์ในศาสนาฮินดูตั้งอยู่บริเวณลานของวิหาร จึงมีชื่อเรียกแบบฮินดูว่า เจดีย์กาเนชา (Ganesha Pogada)เจดีย์ชเวชันดอนี้ยังเป็นสถานที่เหมาะสำหรับการชมทุ่งเจดีย์อีกแห่งหนึ่งของพุกามยามอาทิตย์อัสดงจะได้เห็นภาพหมู่เจดีย์สุดลูกหูลูกตา ที่ต้องแสงสีแดงอ่อนแห่งยามเย็นอย่างงดงามเจดีย์อนันดา (Ananda Pagoda)
เจดีย์อนันดาสร้างขึ้นโดยกษัตริย์จันสิทธะ (King Kyanzittha) เพื่อเป็นสัญลักษณ์แทนภูเขานันทมูล (Nandamula) บนเทือกเขากันทมาดานะ(Gandhamadana) บริเวณเทือกเขาหิมาลัย อันเนื่องมาจากการจาริกแสวงบุญมายังดินแดนพุกามของพระอรหันต์ 5 รูป เหล่าพระอรหันต์ได้ทูลเล่าถึงลักษณะวัดในอินเดียถวายพระเจ้าจันสิทธะ พระองค์ทรงพอพระทัยมาก จึงได้ดำรัสให้ก่อสร้างขึ้นตามลักษณะที่เหล่าพระอรหันต์ได้พรรณา แล้วตั้งชื่อว่าวัดอนันดาตามชื่อถ้ำที่พระอรหันต์ทั้ง 5 อาศัยอยู่ เจดีย์อนันดานี้ยังด้รับการยกย่องว่าเป็นเพชรเม็ดงามแห่งสถาปัตย์พุกาม ตัววิหารทรงสี่เหลี่ยมจตุรัสที่ใหญ่โตสง่างาม มีมุขเด็จยื่นออกไปทั้งสี่ด้าน หากดูตามผังลักษณะเหมือนกับไม้กางเขนแบบกรีก ภายในวิหารมีพระพุทธรูปยืนที่เกาะสลักด้วยไม้สัก ประดิษฐานอยู่ทั้งสี่ทิศ ผลงานฝีมือของช่างพม่าชั้นสูงที่ทำช่องให้แสงส่องเฉพาะองค์พระพุทธรูปซึ่งพระพักตร์ขององค์พระนั้นมีรอยยิ้มเปี่ยมเมตตา สร่างความน่าเลื่อมใสแก่ผู้ไปสักการะ
วัดธรรมยางจี (Dhamayangyi Thample)
ลักษณะเจดีย์มีความสวยงามมาก และได้ชื่อว่าเป็นเจดีย์ที่ยิ่งใหญ่และแข็งแรงที่สุดในพุกาม เพราะสร่งขึ้นด้วยอิฐสีแดงเป็นเอกลักษณ์ วัดนี้มีเจดีย์ที่สร้างขึ้นคล้ายเจดีย์อนันดา คือมีลักษณะอาคารทรงสี่เหลี่ยมจตุรัส มีมุขยื่นออกมาสี่ด้าน สร้างขึ้นโดยกษัตริย์นรายุ (King Narathu) วิหารนี้มีอีกชื่อหนึ่งว่า กาลักยามิน (Kalagya Min) หมายถึง วิหารของกษัตริย์ที่ถูกฆ่าโดยพวกกาลา ทหารของกษัตริย์ปาเทกคายา (Pateikkaya) แห่งอินเดีย เพื่อเป็นการแก้แค้นให้พระราชธิดาของกษัตริย์อินเดีย ซึ่งถูกฆ่าโดยกษัตริย์นราธุพระสวามีของพระนางเอง
ลักษณะเจดีย์มีความสวยงามมาก และได้ชื่อว่าเป็นเจดีย์ที่ยิ่งใหญ่และแข็งแรงที่สุดในพุกาม เพราะสร่งขึ้นด้วยอิฐสีแดงเป็นเอกลักษณ์ วัดนี้มีเจดีย์ที่สร้างขึ้นคล้ายเจดีย์อนันดา คือมีลักษณะอาคารทรงสี่เหลี่ยมจตุรัส มีมุขยื่นออกมาสี่ด้าน สร้างขึ้นโดยกษัตริย์นรายุ (King Narathu) วิหารนี้มีอีกชื่อหนึ่งว่า กาลักยามิน (Kalagya Min) หมายถึง วิหารของกษัตริย์ที่ถูกฆ่าโดยพวกกาลา ทหารของกษัตริย์ปาเทกคายา (Pateikkaya) แห่งอินเดีย เพื่อเป็นการแก้แค้นให้พระราชธิดาของกษัตริย์อินเดีย ซึ่งถูกฆ่าโดยกษัตริย์นราธุพระสวามีของพระนางเอง

ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น